การลงทุนในหุ้นสามัญ จะมีลักษณะที่ผู้ลงทุนมีความเป็นเจ้าของกิจการครับ แตกต่างจากการลงทุนในหุ้นกู้ ที่ผู้ลงทุนจะเป็นเจ้าหนี้ของกิจการ
โดยทั่วไปผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นสามัญจะมีโอกาสสูงกว่าการลงทุนในหุ้นกู้
เนื่องจากผลตอบแทนจากการเป็นเจ้าของกิจการขึ้นอยู่กับผลประกอบการ เช่น ผลกำไร ซึ่งไม่มีเพดานที่ชัดเจน ถ้ากิจการทำกำไรได้เยอะ ผู้ลงทุนในหุ้นสามัญก็มีโอกาสได้ผลตอบแทนสูง
ในขณะที่ผู้ลงทุนในหุ้นกู้ มักจะได้ผลตอบแทนที่คงที่ชัดเจน คือ ดอกเบี้ย ซึ่งอาจจะไม่สูงเท่า ผลตอบแทนจากหุ้นสามัญ แต่ก็จะมีความแน่นอนมากกว่า
แนะนำว่า เริ่มจากส่วนสำคัญที่สุดคือเงินออมครับ ควรจะไม่น้อยกว่า 10% ของรายได้ และถ้าเป็นไปได้ พยายามให้ถึง 25% ขึ้นไปครับ เช่น ถ้ามีรายได้ต่อเดือน 10,000 บาท เมื่อได้รายได้มา ควรแยกเงินออม ออกไปก่อนเลยครับ เช่น ถ้าเราตั้งเป้าไว้ 25% คือ 2,500 ก็ควรจะโอนไปไว้ในบัญชีออม หรือ นำไปลงทุน (ถ้าเข้าใจเรื่องลงทุน) แล้วค่อยใช้เงินส่วนที่เหลืออีก 75%
มีโอกาสเป็นไปได้ครับ เนื่องจากจากคุณสมบัติของ ผู้แนะนำการลงทุนมีได้หลายกรณี กรณีที่คุ้นเคยกันที่สุดก็คือ การที่เรียนจบปริญญาตรี และ สอบผ่าน หลักสูตรที่กำหนด (ที่หลายๆ คนเรียกว่า ข้อสอบ IC หรือผู้แนะนำการลงทุน)
แต่ก็มีกรณีอื่นๆ เช่น
ผู้ที่สอบผ่านหลักสูตรอื่นๆ มา ได้แก่ CFA, CFP, AFPT ก็มีโอกาสขึ้นทะเบียนเป็นผู้แนะนำการลงทุนโดยไม่ต้องมีเงื่อนไขเรื่องการจบปริญญาตรีครับ
ลองศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ (ข้อมูลจาก สำนักงาน กลต ครับ)
https://www.sec.or.th/TH/Pages/LawandRegulations/InvestmentConsultantSummary.aspx#New
นักวางแผนการเงิน CFP
การอบรม การสอบ หลักสูตรนักวางแผนการเงิน CFP
@curious พูดใน ประเภทเงินได้ของแพทย์:
หมอขายเครื่องมือแพทย์ (เป็นคนขาย) เป็นเงินได้ประเภทใด และถ้าหมอเปิดบริษัทขายเครื่องมือแพทย์ เป็นเงินได้ประเภทใด
หมอขายเครื่องมือแพทย์ถือเป็นเงินได้ประเภท 40(8) ครับ ส่วนในกรณีที่หมอเปิดบริษัทขายเครื่องมือแพทย์ คือเป็นเงินได้ของนิติบุคคล ไม่ใช่บุคคลธรรมดา